แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนไหนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลเกลเซอร์ถูกโดนขับไล่กันนักหนา อ่านข่าวนี้แล้วจะเข้าใจอย่างแน่นอน โดยตลอดช่วง 6 ปีหลังการเข้าเทคโอเวอร์ พวกเขาได้ดูดเงินรายได้ของสโมสรไปแล้วกว่า 400 ล้านปอนด์เพื่อการจ่ายหนี้
ในช่วง 5 ปีหลังสุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพวกเขาได้แชมป์พรีเมียร์ ลีกถึง 3 สมัยและยังเข้าชิงฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 2 ครั้งโดยคว้าแชมป์ได้ 1 ครั้ง
นอกจากนี้สโมสรยังมีแฟนบอลมากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกซึ่งเป็นที่คาดเดากันว่าเป็นจำนวนตัวเลขที่มากที่สุดในโลกนี้ พวกเขาควรจะนำเงินรายได้ที่ได้รับจากแฟนบอลสำหรับการขายสินค้ามาลงทุนกับการดึงนักเตะซูเปอร์สตาร์ให้ผู้คนกว่า 76,000 คนในโอลด์ แทรฟฟอร์ดได้ชม
เหล่าแฟนบอลที่เข้าชมเกมส์ในสนามต้องเผชิญหน้ากับราคาตั๋วที่พุ่งสูงขึ้นทุกๆปี โดยตลอด 6 ปีที่ผ่านมาเงินค่าตั๋วได้เพิ่มคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ประมาณ 42%
อย่างไรก็ตามจากจำนวนเงินรายรับที่ได้มากขึ้นทุกๆปี แนวโน้มการดึงตัวซูเปอร์สตาร์เข้ามาร่วมทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับลดลงไปทุกปี โดย ณ ปัจจุบันโอกาสความเป็นไปได้แทบจะเป็น 0 เลยทีเดียว
ตัวเลขดังกล่าว (เงินที่ใช้จ่ายหนี้สิืน) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 100 ล้านปอนด์ โดยกลับกันจำนวนเงินที่ถูกนำมาใช้ลงทุนให้กับทีมเป็นเงินเพียงแค่ 56 ล้านปอนด์แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่น้อยกว่าการลงทุนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส, แอสตัน วิลล่าและซันเดอร์แลนด์
ภายใต้การบริหารงานของเกลเซอร์ ราคาตั๋วบริเวณสแตนด์ฝั่งทางใต้เพิ่มขึ้นจากราคา 500 ปอนด์เป็น 930 ปอนด์ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่กลุ่มแฟนบอลในโอลด์ แทรฟฟอร์ดประท้วงขับไล่กันอย่างหนัก
เงินจำนวน 400 ล้านปอนด์ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ถูกทาง The Sun เอามาเปรียบเทียบว่าหากพวกเขานำมาจับจ่ายใช้ซื้อนักเตะ จะซื้อใครได้บ้าง
1.เฟร์นานโด ตอร์เรส 50 ล้านปอนด์
2.แอนดี้ แคร์โรลล์ 35 ล้านปอนด์
3.ดาวิด บีญ่า 34.2 ล้านปอนด์
4.เอดิน เชโก้ 27 ล้านปอนด์
5.เจมส์ มิลเนอร์ 26 ล้านปอนด์
6.มาริโอ บาโลเตลลี่ 24.5 ล้านปอนด์
7.ยาย่า ตูเร่ 24 ล้านปอนด์
8.ดาร์เรน เบ้นท์ 24 ล้านปอนด์
9.ดาบิด ซิลบา 24 ล้านปอนด์
10.ดาวิด ลูอิซ 23 ล้านปอนด์
11.หลุส์ ซัวเรซ 22 ล้านปอนด์
12.อังเคล ดิ มาเรีย 20 ล้านปอนด์
13.โยฮัน กูคุฟร์ 19 ล้านปอนด์
14.รามิเรส 18.3 ล้านปอนด์
15.เมซุท โอซิล 16 ล้านปอนด์
16.มิลอส คราซิช 13 ล้านปอนด์